ราชภัฏอันดับ 1
พร้อมหนุนนโยบายรัฐ
หลายสาขาไต่อันดับ
Top 5
ของประเทศ
จากวิสัยทัศน์อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา รศ.ดร.ฤๅเดช เกิดวิชัย ที่ว่า
“เล็งเป้าหมายไปให้ถึงดวงจันทร์
แม้ไปไม่ถึงเรายังอยู่ท่ามกลางดวงดาว”
วันนี้มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาก้าวสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏอันดับ
1 และอันดับที่ 16
ของประเทศ
ด้วยนโยบายและการขับเคลื่อนที่รุนแรงมุ่งเป้า
ส่งเสริมการวิจัยและการนำเสนองานวิจัยในเวทีวิชาการต่างประเทศทุกระดับชั้น
ตั้งแต่คณาจารย์
เจ้าหน้าที่สายสนับสนุนวิชาการ
นักศึกษาทั้งในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา
ทุกคนต้องทำวิจัย
มีบทความวิชาการตีพิมพ์ในวารสารฐาน
SCOPUS, SJR, ISI, Google Scholar, TCI
เป็นต้น ส่งผลให้การจัดอันดับมหาวิทยาลัย
U-Rank
ของสวนสุนันทาไต่ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
รศ.ดร.สมเดช รุ่งศรีสวัสดิ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เปิดเผยว่า ผล TCAS รอบ 4 Admission หลายสาขาวิชาของสวนสุนันทาขยับชั้นขึ้น Top 5 ของประเทศไทย อาทิ ศิลปะการละคร อันดับ 1 คะแนนตำ่สุด 16,447 คะแนนสูงสุด 16,933 ธุรกิจการบิน (หลักสูตรนานาชาติ) อันดับ 1 คะแนนต่ำสุด 16,224 คะแนนสูงสุด 17,987 การจัดการโรงแรมและธุรกิจที่พัก อันดับ 2 คะแนนตำ่สุด 16,634 คะแนนสูงสุด 20,759 โดยมีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนนต่ำสุด 18,926 และคะแนนสูงสุด 21,347
สำหรับคณะครุศาสตร์
สวนสุนันทาประกาศศักดาทวงความเป็นวิทยาลัยครูแต่ดั้งเดิม
กวาดอันดับ Top 5 ของประเทศทุกสาขาวิชา
ได้แก่ คณิตศาสตร์ อันดับ 2 คะแนนต่ำสุด
20,030 คะแนนสูงสุด 21,870
รองจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ได้คะแนนต่ำสุด
20,270 คะแนนสูงสุด 21,821
วิทยาศาสตร์ทั่วไป อันดับ 3 คะแนนต่ำสุด
18,545 คะแนนสูงสุด 19,754 ภาษาไทย อันดับ
4 คะแนนต่ำสุด
19,367 คะแนนสูงสุด
20,956 สาขาวิชาที่เหลือ คือ ภาษาอังกฤษ
สังคมศึกษา การศึกษาปฐมวัย
และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา
ติดอันดับ 5
ของประเทศ
“จากอันดับที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และนโยบายของมหาวิทยาลัยที่ก้าวมาถูกทาง เน้นผลงานการวิจัยเพื่อก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล สนับสนุนนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาลที่มุ่งพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมและการวิจัย มหาวิทยาลัยต้องวิจัย สร้างองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ต้องเลี้ยงตัวเองได้และอยู่รอดภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและทำลายล้าง (Disruption) ในยุคนี้ได้อย่างองอาจและทรนง” รศ.ดร.สมเดช รุ่งศรีสวัสดิ์ กล่าวในที่สุด